การตั้งชื่อโฟลเดอร์และไฟล์อย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ที่เป็นระบบจะช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญในการตั้งชื่อ: หลักการพื้นฐาน
ใช้ชื่อที่สื่อความหมาย
หลีกเลี่ยง: “New folder”, “untitled”, “doc1” แนะนำ: “รายงานการเงิน_2025”, “ข้อมูลลูกค้า_บริษัทA”
เรียงลำดับคำจากสำคัญไปหาเฉพาะ
หลีกเลี่ยง: “รายงานเดือนพฤษภาคมแผนกบัญชี2025” แนะนำ: “2025_บัญชี_รายงาน_พฤษภาคม”
ใช้วันที่ในรูปแบบ YYYY-MM-DD
เพื่อให้ไฟล์เรียงตามลำดับเวลาโดยอัตโนมัติ เช่น: “2025-05-10_รายงานประจำวัน”
ใช้เครื่องหมายคั่น เช่น _ หรือ - แทนการเว้นวรรค
หลีกเลี่ยง: “รายงาน ประชุม คณะกรรมการ” แนะนำ: “รายงาน_ประชุม_คณะกรรมการ” หรือ “รายงาน-ประชุม-คณะกรรมการ”
หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษ เช่น ! @ # $ % ^ & * ( ) + = { } [ ] : ; " ' < > ? / \ |
อาจทำให้เกิดปัญหาในบางระบบปฏิบัติการ
เทคนิคขั้นสูง
ใช้หมายเลขนำหน้าเพื่อจัดลำดับ
เช่น: “01_บทนำ”, “02_เนื้อหา”, “03_สรุป”
ใช้แท็กหรือคำสำคัญ
เช่น: “รายงาน_การเงิน_[FINAL]”, “โครงการX_[DRAFT]” หรือ “#งบประมาณ #2025 รายงานไตรมาส1”
สร้างลำดับชั้นที่มีความหมาย
- โครงการ/
- โครงการA/
- 01_แผนงาน/
- 02_งบประมาณ/
- 03_รายงาน/
- โครงการB/
- …
- โครงการA/
ใช้เวอร์ชันแทนการสร้างไฟล์ซ้ำ
หลีกเลี่ยง: “รายงาน_final”, “รายงาน_final2”, “รายงาน_final_แก้ไข” แนะนำ: “รายงาน_v1.0”, “รายงาน_v1.1”, “รายงาน_v2.0”
ใช้ชื่อสั้นแต่สื่อความหมาย
หลีกเลี่ยงชื่อที่ยาวเกินไปที่อาจถูกตัดในบางระบบ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ สำหรับเอกสารทางธุรกิจ: 2025_โครงการX/ ├── 01_แผนงาน/ │ ├── 2025-01-15_แผนงาน_v1.0.docx │ └── 2025-02-01_แผนงาน_v2.0_[APPROVED].docx ├── 02_งบประมาณ/ │ ├── 2025Q1_งบประมาณ.xlsx │ └── 2025Q2_งบประมาณ.xlsx └── 03_รายงาน/ ├── 2025-03-15_รายงานความคืบหน้า.pdf └── 2025-04-30_รายงานความคืบหน้า.pdf สำหรับรูปภาพ: ภาพถ่าย/ ├── 2024_งานแต่งงาน_พี่สมชาย/ ├── 2025_ท่องเที่ยว_เชียงใหม่/ └── 2025_ท่องเที่ยว_ภูเก็ต/ ├── 2025-04-01_ภูเก็ต_ชายหาด.jpg └── 2025-04-02_ภูเก็ต_อาหารทะเล.jpg การนำระบบการตั้งชื่อที่ดีไปใช้อาจใช้เวลาในตอนแรก แต่จะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาในระยะยาวและทำให้การจัดการไฟล์มีประสิทธิภาพมากขึ้นClaude does not have the ability to run the code it generates yet.Aแล้วถ้าเสริมแนวคิด PARA ในหนังสือ second brain เข้าไปช่วยเสริมกรณีเคสข้างบน
- อยากให้ยกตัวอย่างชัดๆ use case ที่ good pratical ได้จริง สำหรับนัก programmer / coderการประยุกต์ใช้ PARA กับการตั้งชื่อไฟล์สำหรับโปรแกรมเมอร์ ระบบ PARA (Projects, Areas, Resources, Archives) จากหนังสือ “Building a Second Brain” ของ Tiago Forte สามารถนำมาผสมผสานกับหลักการตั้งชื่อไฟล์ที่ดีเพื่อสร้างระบบจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับโปรแกรมเมอร์ ดังนี้ หลักการ PARA โดยสรุป
Projects (P) - โครงการที่มีเป้าหมายชัดเจนและกำหนดเวลาแล้วเสร็จ Areas (A) - ขอบเขตความรับผิดชอบที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง Resources (R) - แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่อาจเป็นประโยชน์ในอนาคต Archives (Ar) - ข้อมูลเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วแต่ต้องการเก็บไว้
ตัวอย่างโครงสร้างไฟล์สำหรับโปรแกรมเมอร์ด้วย PARA WORKSPACE/ ├── P_PROJECTS/ │ ├── P_2025-05_E-Commerce_WebApp/ │ │ ├── 01_requirements/ │ │ │ ├── 2025-05-01_client-requirements_v1.2.md │ │ │ └── 2025-05-10_user-stories_v2.0.xlsx │ │ ├── 02_design/ │ │ │ ├── db_schema_v1.0.sql │ │ │ ├── api_specs_v1.5.yaml │ │ │ └── ui_wireframes/ │ │ ├── 03_code/ │ │ │ ├── frontend/ │ │ │ ├── backend/ │ │ │ └── README.md │ │ └── 04_docs/ │ │ └── 2025-05-20_architecture-overview.md │ │ │ └── P_2025-06_ML_Recommendation_Engine/ │ ├── 01_data/ │ │ ├── raw/ │ │ └── processed/ │ ├── 02_notebooks/ │ │ ├── 2025-06-02_EDA_userdata.ipynb │ │ └── 2025-06-10_model_training_v1.ipynb │ └── 03_models/ │ ├── 2025-06-15_baseline_model.pkl │ └── 2025-06-20_improved_model.pkl │ ├── A_AREAS/ │ ├── A_CodeQuality/ │ │ ├── linting_configs/ │ │ │ ├── eslint_react_config.json │ │ │ └── pylint_config.rc │ │ └── test_templates/ │ │ ├── unit_test_template.js │ │ └── integration_test_template.py │ │ │ ├── A_DevOps/ │ │ ├── docker/ │ │ │ ├── node_dev_dockerfile │ │ │ └── python_data_science_dockerfile │ │ └── ci_cd/ │ │ ├── github_actions_workflow.yml │ │ └── jenkins_pipeline.groovy │ │ │ └── A_Security/ │ ├── security_checklist.md │ └── auth_best_practices.md │ ├── R_RESOURCES/ │ ├── R_Algorithms/ │ │ ├── sorting/ │ │ └── graph_traversal/ │ │ │ ├── R_DesignPatterns/ │ │ ├── creational/ │ │ ├── structural/ │ │ └── behavioral/ │ │ │ ├── R_APIs/ │ │ ├── payment_gateways/ │ │ └── maps_and_location/ │ │ │ └── R_TechStack/ │ ├── react_components/ │ │ └── reusable_modal_dialog.jsx │ └── django_snippets/ │ └── custom_pagination.py │ └── Ar_ARCHIVES/ ├── Ar_2024_LegacyProject_Refactoring/ └── Ar_2023_IOT_Prototype/ Use Cases ที่ใช้งานได้จริงสำหรับโปรแกรมเมอร์
- การจัดการโค้ดในโปรเจคปัจจุบัน (Projects) P_2025-05_API_Authentication/ ├── 01_specs/ │ ├── 2025-05-01_auth-flow-diagram.png │ └── 2025-05-03_api-endpoints_v1.1.yaml ├── 02_code/ │ ├── auth/ │ │ ├── auth_controller.js │ │ ├── auth_service.js │ │ ├── auth_repository.js │ │ └── auth_tests/ │ │ ├── auth_controller.test.js │ │ └── auth_service.test.js │ └── middleware/ │ ├── jwt_validator.js │ └── rate_limiter.js └── 03_docs/ ├── 2025-05-15_implementation-notes.md └── 2025-05-20_auth-flow-v1.2.md ประโยชน์:
รู้ทันทีว่านี่เป็นโปรเจค (P_) เกี่ยวกับ API Authentication ที่เริ่มเดือนพฤษภาคม 2025 แบ่งโครงสร้างเป็นหมวดหมู่: specs, code, docs เวอร์ชันเอกสารชัดเจน (v1.1, v1.2) จัดเรียงไฟล์ตามลำดับเวลา (2025-05-01, 2025-05-03, etc.)
- การเก็บ Code Snippets และ Boilerplates (Resources) R_CodeSnippets/ ├── R_JavaScript/ │ ├── form-validation/ │ │ ├── email_validator.js │ │ └── credit_card_validator.js │ ├── data-structures/ │ │ ├── linked_list.js │ │ └── binary_tree.js │ └── utilities/ │ ├── date_formatter.js │ └── object_deep_clone.js ├── R_Python/ │ ├── data-processing/ │ │ ├── csv_to_json.py │ │ └── excel_processor.py │ └── machine-learning/ │ ├── feature_scaling.py │ └── model_evaluation.py └── R_SQL/ ├── performance/ │ ├── index_optimization.sql │ └── query_performance_tips.md └── queries/ ├── recursive_cte.sql └── window_functions.sql ประโยชน์:
เก็บ code snippets ที่ใช้บ่อยให้เป็นระบบตามภาษา สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้รวดเร็ว แยกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทการใช้งาน
- การจัดการ Configuration Files (Areas) A_DevEnvironment/ ├── A_Docker/ │ ├── development/ │ │ ├── node_backend.dockerfile │ │ ├── react_frontend.dockerfile │ │ └── docker-compose_dev.yml │ └── production/ │ ├── node_backend_prod.dockerfile │ ├── react_frontend_prod.dockerfile │ └── docker-compose_prod.yml ├── A_CI_CD/ │ ├── github_actions/ │ │ ├── frontend_tests.yml │ │ └── backend_deploy.yml │ └── jenkins/ │ ├── Jenkinsfile_dev │ └── Jenkinsfile_prod └── A_Environments/ ├── .env.example ├── .env.development └── .env.production ประโยชน์:
รวบรวม configuration ที่ต้องใช้สม่ำเสมอไว้ในที่เดียว แยกตามสภาพแวดล้อม (development vs production) เข้าถึงได้รวดเร็วเมื่อต้องเริ่มโปรเจคใหม่
- การจัดเก็บโปรเจคเก่า (Archives) Ar_ARCHIVES/ ├── Ar_2024_InternalTools/ │ ├── README.md │ ├── lessons_learned.md │ └── code_samples/ └── Ar_2023_ClientX_Website/ ├── final_delivery/ ├── api_documentation.pdf └── postmortem.md ประโยชน์:
เก็บโค้ดเก่าอย่างเป็นระบบโดยไม่รกพื้นที่ทำงานหลัก สามารถอ้างอิงหรือนำกลับมาใช้ได้เมื่อจำเป็น เก็บบทเรียนที่ได้จากโปรเจคเก่า
เทคนิคการตั้งชื่อไฟล์ที่เหมาะกับโปรแกรมเมอร์
ใช้ Prefix ของระบบ PARA
P_ สำหรับ Projects A_ สำหรับ Areas R_ สำหรับ Resources Ar_ สำหรับ Archives
ระบุเทคโนโลยีหรือภาษาที่ใช้
react_component.jsx ดีกว่า component.jsx python_data_processor.py ดีกว่า processor.py
ตั้งชื่อไฟล์ตามหน้าที่การทำงาน
auth_middleware.js ดีกว่า middleware1.js product_repository.py ดีกว่า db_handler.py
ใช้คำนำหน้าสำหรับไฟล์ที่เกี่ยวข้องกัน
user_model.js, user_controller.js, user_service.js
ใช้เครื่องหมายขีดล่าง (_) เพื่อแบ่งคำ
snake_case มักเป็นที่นิยมสำหรับชื่อไฟล์ในการเขียนโค้ด ช่วยให้อ่านง่ายและหลีกเลี่ยงปัญหากับระบบปฏิบัติการที่ต่างกัน
ใช้ตัวเลขนำหน้าเพื่อจัดลำดับขั้นตอน
01_schema.sql, 02_seed_data.sql, 03_procedures.sql
Example: โครงการ Full-Stack Web Application P_2025-07_CustomerPortal/ ├── 01_planning/ │ ├── 2025-07-01_requirements.md │ ├── 2025-07-05_user_stories.md │ └── 2025-07-10_tech_stack_decisions.md ├── 02_design/ │ ├── api/ │ │ ├── 2025-07-15_api_endpoints_v1.0.yaml │ │ └── 2025-07-20_api_endpoints_v1.1.yaml │ ├── database/ │ │ ├── 2025-07-12_db_schema_v1.0.sql │ │ └── erd_diagram.png │ └── ui/ │ ├── wireframes/ │ └── 2025-07-18_design_system.md ├── 03_frontend/ │ ├── src/ │ │ ├── components/ │ │ │ ├── auth/ │ │ │ │ ├── login_form.jsx │ │ │ │ └── registration_form.jsx │ │ │ └── dashboard/ │ │ │ ├── activity_chart.jsx │ │ │ └── user_summary.jsx │ │ ├── pages/ │ │ └── utils/ │ │ ├── api_client.js │ │ └── form_validators.js │ └── tests/ │ ├── components/ │ └── e2e/ ├── 04_backend/ │ ├── src/ │ │ ├── controllers/ │ │ │ ├── auth_controller.js │ │ │ └── user_controller.js │ │ ├── models/ │ │ │ ├── user_model.js │ │ │ └── activity_model.js │ │ └── services/ │ │ ├── auth_service.js │ │ └── notification_service.js │ └── tests/ │ ├── unit/ │ └── integration/ └── 05_deployment/ ├── docker/ │ ├── frontend.dockerfile │ └── backend.dockerfile ├── terraform/ │ └── main.tf └── ci_cd/ └── github_workflow.yml การผสมผสานระบบ PARA เข้ากับหลักการตั้งชื่อที่ดีจะช่วยให้โปรแกรมเมอร์:
ค้นหาไฟล์ได้รวดเร็ว - ด้วยระบบที่มีโครงสร้างชัดเจน เข้าใจบริบทได้ทันที - จากชื่อแฟ้มและไฟล์ ลดเวลาในการสื่อสาร - เมื่อทำงานเป็นทีม ทุกคนเข้าใจโครงสร้างได้ง่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน - ลดเวลาในการจัดการไฟล์ สร้างระบบที่ขยายได้ - รองรับการเติบโตของโครงการ
เมื่อนำไปใช้งานจริง คุณอาจปรับแต่งระบบนี้ให้เข้ากับรูปแบบการทำงานและความต้องการเฉพาะของทีม แต่โครงสร้างพื้นฐานนี้จะช่วยให้มีจุดเริ่มต้นที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพClaude does not have the ability to run the code it generates yet.Aแล้วมี python script สำหรับเพิ่มชื่อ ต้นของไฟล์ในรูปแบบ YYYY/MM/DD บางไหม? หรือใช้ bash script ก็ได้ เพราะใช้งานอยู่บน linuxdate_prefix_script.pyCode #!/usr/bin/env python3 """ Script to rename files by adding date prefix in format YYYY-MM-DD_
Usage:
- Basic usage: ./date_prefix_script.py [directory_path]
- Specific date: ./date_prefix_script.py [directory_path] –date 2025-05-10
- Recursivdate_prefix_rename.shCode #!/bin/bash
Script to add date prefix (YYYY-MM-DD_) to filenames
Usage:
./date_prefix_rename.sh [options] [directory]
Options:
-d, –date DATE Specific date to use (format: YYYY-MM-DD)
-r, –recursive Process direสคริปต์เพิ่มวันที่ในชื่อไฟล์รูปแบบ YYYY-MM-DD_
ผมได้สร้างสคริปต์สองแบบสำหรับการเพิ่มวันที่ลงในชื่อไฟล์ตามรูปแบบ PARA เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้ตามความถนัด:
- Python Script (date_prefix_script.py) สคริปต์ Python นี้ช่วยเพิ่มวันที่ในรูปแบบ YYYY-MM-DD_ ที่ต้นชื่อไฟล์: วิธีการใช้งาน: bash# ทำการเพิ่มสิทธิ์ execute chmod +x date_prefix_script.py
เพิ่มวันที่ปัจจุบันให้ไฟล์ในไดเรกทอรีปัจจุบัน
./date_prefix_script.py
เพิ่มวันที่เฉพาะเจาะจง
./date_prefix_script.py –date 2025-05-10
ทำงานกับไดเรกทอรีอื่น
./date_prefix_script.py /path/to/your/folder
ทำงานแบบ recursive (รวมถึงโฟลเดอร์ย่อย)
./date_prefix_script.py –recursive
ดูตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำการเปลี่ยนจริง
./date_prefix_script.py –preview
เปลี่ยนตัวคั่นระหว่างวันที่กับชื่อไฟล์
./date_prefix_script.py –separator “__”
ข้ามไฟล์ที่มีวันที่อยู่แล้ว
./date_prefix_script.py –ignore-existing 2. Bash Script (date_prefix_rename.sh) สคริปต์ Bash สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานบน Linux โดยไม่ต้องพึ่ง Python: วิธีการใช้งาน: bash# ทำการเพิ่มสิทธิ์ execute chmod +x date_prefix_rename.sh
เพิ่มวันที่ปัจจุบันให้ไฟล์ในไดเรกทอรีปัจจุบัน
./date_prefix_rename.sh
เพิ่มวันที่เฉพาะเจาะจง
./date_prefix_rename.sh -d 2025-05-10
ทำงานกับไดเรกทอรีอื่น
./date_prefix_rename.sh /path/to/your/folder
ทำงานแบบ recursive (รวมถึงโฟลเดอร์ย่อย)
./date_prefix_rename.sh -r
ดูตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำการเปลี่ยนจริง
./date_prefix_rename.sh -p
เปลี่ยนตัวคั่นระหว่างวันที่กับชื่อไฟล์
./date_prefix_rename.sh -s “__”
การใช้งานหลายตัวเลือกพร้อมกัน
./date_prefix_rename.sh -d 2025-05-10 -r -s “__” /path/to/your/folder
ดูคำอธิบายทั้งหมด
./date_prefix_rename.sh –help คุณสมบัติหลักของทั้งสองสคริปต์:
ใส่วันที่อัตโนมัติ - เพิ่มวันที่ปัจจุบันหรือวันที่ที่ระบุในรูปแบบ YYYY-MM-DD_ ทำงานแบบ recursive - สามารถทำงานกับไดเรกทอรีย่อยทั้งหมด รองรับการทดสอบ - มีโหมด preview เพื่อดูผลลัพธ์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงจริง ตัวคั่นที่ปรับแต่งได้ - เปลี่ยนตัวคั่นระหว่างวันที่และชื่อไฟล์ (เช่น “_”, “__”, “-") ข้ามไฟล์ที่มีวันที่อยู่แล้ว - หลีกเลี่ยงการเพิ่มวันที่ซ้ำซ้อน
ตัวอย่างการใช้งานในโปรเจคโค้ด: bash# เพิ่มวันที่ให้ไฟล์ใน project ทั้งหมด cd P_2025-05_CustomerPortal ./date_prefix_script.py –recursive
เพิ่มวันที่เฉพาะในโฟลเดอร์เอกสาร
./date_prefix_rename.sh -r ./docs หลังจากรันสคริปต์เหล่านี้ ไฟล์จะถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับระบบ PARA และหลักการตั้งชื่อไฟล์ที่ดี เช่น:
ก่อนรันสคริปต์
requirements.md -> 2025-05-10_requirements.md api_endpoints.yaml -> 2025-05-10_api_endpoints.yaml สคริปต์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเพิ่มวันที่ในชื่อไฟล์ได้อย่างสะดวกและเป็นระบบ เพื่อให้ไฟล์เรียงลำดับตามวันที่โดยอัตโนมัติและง่ายต่อการค้นหา คุณต้องการให้ผมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของสคริปต์หรือการใช้งานเพิ่มเติมไหมครับ?Claude does not have the ability to run the code it generates yet.Aไหนๆ แถมของ powershell บน windows ให้ด้วยซิทําได้ไหม?date_prefix_rename.ps1Code <# .SYNOPSIS Script to add date prefix (YYYY-MM-DD_) to filenames.
.DESCRIPTION This PowerShell script adds a date prefix in the format YYYY-MM-DD_ to the beginning of filenames. It can process files in a single directory or recursively สคริปต์ PowerShell สำหรับ Windows ได้เลยครับ! ผมได้สร้างสคริปต์ PowerShell สำหรับ Windows เพื่อทำงานในลักษณะเดียวกัน นี่คือวิธีการใช้งาน: PowerShell Script (date_prefix_rename.ps1) สคริปต์นี้ใช้งานได้บน Windows โดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มวันที่ในรูปแบบ YYYY-MM-DD_ ที่ต้นชื่อไฟล์: วิธีการใช้งาน: powershell# รันสคริปต์โดยใช้วันที่ปัจจุบันกับไฟล์ในโฟลเดอร์ปัจจุบัน .\date_prefix_rename.ps1
ระบุโฟลเดอร์ที่ต้องการทำงาน
.\date_prefix_rename.ps1 -Directory “C:\Projects”
ระบุวันที่เฉพาะเจาะจง
.\date_prefix_rename.ps1 -Date “2025-05-10”
ทำงานแบบ recursive (รวมถึงโฟลเดอร์ย่อย)
.\date_prefix_rename.ps1 -Recursive
ดูตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำการเปลี่ยนจริง
.\date_prefix_rename.ps1 -Preview
เปลี่ยนตัวคั่นระหว่างวันที่กับชื่อไฟล์
.\date_prefix_rename.ps1 -Separator “__”
ข้ามไฟล์ที่มีวันที่อยู่แล้ว
.\date_prefix_rename.ps1 -IgnoreExisting
ใช้หลายตัวเลือกพร้อมกัน
.\date_prefix_rename.ps1 -Directory “C:\Projects\P_CustomerPortal” -Date “2025-05-10” -Recursive -Separator “_” ข้อดีของสคริปต์ PowerShell
รันได้โดยตรงบน Windows - ไม่ต้องติดตั้ง Python หรือใช้ WSL อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตร - แสดงผลด้วยสีที่แตกต่างกันเพื่อความชัดเจน Help System แบบ PowerShell - รองรับการเรียกดูวิธีใช้งานแบบมาตรฐาน PowerShell การทำงานเหมือนกับสคริปต์อื่น - มีฟีเจอร์ครบถ้วนเช่นเดียวกับเวอร์ชัน Python และ Bash
เรียกดูวิธีใช้งานอย่างละเอียด คุณสามารถเรียกดูเอกสารช่วยเหลือแบบละเอียดได้โดยใช้คำสั่ง: powershellGet-Help .\date_prefix_rename.ps1 -Full ตัวอย่างการใช้งานใน Command Prompt ของ Windows หากคุณใช้ Command Prompt (cmd.exe) แทน PowerShell คุณยังสามารถรันสคริปต์นี้ได้: powershell -ExecutionPolicy Bypass -File .\date_prefix_rename.ps1 -Directory “C:\Projects” -Recursive วิธีแก้ไขปัญหา Execution Policy หากคุณพบปัญหา “execution of scripts is disabled on this system”, คุณสามารถแก้ไขได้โดย:
เปิด PowerShell ในโหมด Administrator รันคำสั่ง: Set-ExecutionPolicy RemoteSigned หรือ Set-ExecutionPolicy Bypass -Scope Process แล้วลองรันสคริปต์อีกครั้ง
การใช้งานตามแนวคิด PARA สำหรับนักพัฒนาที่ใช้ Windows และต้องการใช้ระบบ PARA: powershell# เพิ่มวันที่ให้ไฟล์ในโปรเจค .\date_prefix_rename.ps1 -Directory “C:\Projects\P_2025-05_CustomerPortal\docs” -Recursive
สำรองข้อมูลก่อนเปลี่ยนชื่อกับทั้งหมดในโฟลเดอร์ R_Resources
.\date_prefix_rename.ps1 -Directory “C:\Workspace\R_Resources” -Preview -Recursive ตอนนี้คุณมีครบทั้งสคริปต์ Python, Bash (สำหรับ Linux) และ PowerShell (สำหรับ Windows) ที่ช่วยในการจัดระเบียบไฟล์ตามแนวคิด PARA โดยการเพิ่มวันที่ที่ชื่อไฟล์เพื่อให้การค้นหาและจัดการไฟล์มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานสคริปต์หรือการปรับแต่งให้เข้ากับการทำงานของคุณไหมครับ?
print to png
gen from AI
Etc